Pages

19 พ.ค. 2558

5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไปเลือกซื้อเครื่องแบบนักเรียนให้ลูก

5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไปเลือกซื้อเครื่องแบบนักเรียนให้ลูก

การเลือกซื้อชุดนักเรียนนั้นมีรายละเอียดมากกว่าที่คิด ผู้ปกครองทั้งมือเก่ามือใหม่หลายคนมักจะวุ่นวายกับการจัดเตรียมเครื่องแบบนักเรียนให้ลูกๆ บางทีถ้าไม่ได้พาเด็กไปลองชุดเองก็อาจจะเลือกซื้อไปไม่ถูกเสียทั้งเงินและเวลา ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลคร่าวๆ 5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไปเลือกซื้อเครื่องแบบนักเรียนให้ลูก หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้คุณพ่อคุณแม่บ้างนะคะ



1. ลักษณะชุด
นี่คือข้อมูลพื้นฐานที่สุดคือ ลูกเรียนชั้นไหน? อนุบาล, ประถม หรือมัธยม เครื่องแบบนักเรียนในแต่ละชั้นเรียนแตกต่างกัน รวมไปถึงลักษณะของชุดนักเรียนก็แตกต่างกัน สิ่งที่พ่อแม่ต้องเตรียมข้อมูลไปคือ




- เด็กเรียนชั้นไหน
- ลักษณะกางเกง / กระโปรง สีอะไร, ทรงไหน
  • กางเกงสีแดง, สีดำ, สีกรมท่า, สีน้ำเงิน, สีกากี
  • กระโปรงสีแดง, สีน้ำเงิน, สีกรมท่า, สีดำ
  • กระโปรงติดกระดุม, เอวจั้ม, ทรงจีบรอบ, หกจีบ
- ลักษณะเสื้อนักเรียน

  • เสื้ออนุบาลเอวจั๊ม, เสื้ออนุบาลติดกระดุม, คอบัวโปโล, คอบัวผ่าตลอด, ปกทหารเรือ, เตรียมชายโค้ง(ม.ปลายหญิง), เชิ้ตชาย
บางโรงเรียนที่มีเครื่องแบบเป็นของตัวเองเช่น เสื้อแขนยาว หรือกางเกงขายาว, กระโปรงมีสีอื่นๆ  รวมไปถึงนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามที่ต้องใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ส่วนใหญ่ทางโรงเรียนจะเตรียมชุดมาขาย หรือร้านค้าที่ใกล้โรงเรียนมักจะมีจำหน่าย ให้สังเกตหรือติดต่อทางโรงเรียนว่ายี่ห้อใด หรือร้านค้าใดที่เป็นตัวแทนจำหน่ายชุดนักเรียนนั้นๆ

2. ขนาดกว้าง/ยาว
ข้อนี้สำคัญมากเพราะหลายครั้งคุณพ่อคุณแม่จะสับสนกับขนาดเสื้อนักเรียนและกางเกง, กระโปรงของลูก

- เสื้อนักเรียน

ให้จำไว้ว่าเสื้อนักเรียนส่วนใหญ่จะนับไซส์เป็นตัวเลขเช่น 38, 40, 42 ฯลฯ บางยี่ห้อเป็นเลขคู่ บางยี่ห้อเป็นเลขคี่ แต่มักจะต่างกันประมาณ 2 นิ้ว หากเด็กอ้วนลงพุงต้องซื้อไซส์ที่ใหญ่กว่าตัวเพราะต้องติดกระดุม ให้ลองติดกระดุมบริเวณพุงเด็กแล้วยกแขนขึ้น ดูว่าเด็กอึดอัดไหม ชายเสื้อดึงรั้งขึ้นไปจนหลุดจากกางเกงหรือเปล่า


  • ขนาดมาตรฐานของเด็กประถมจะอยู่ที่ประมาณ 30 - 40 นิ้ว
  • ขนาดมาตรฐานของเด็กมัธยมจะอยู่ที่ประมาณ 42 - 46 นิ้ว
  • หากเกินกว่านี้ถือว่าเป็นไซส์พิเศษ เสื้อ อาจะมีราคาแพงกว่าไซส์ปกติ ร้านค้าทั่วไปมักจะมีไซส์ไม่เกิน 54 นิ้ว

- กางเกง / กระโปรง

มักเป็นปัญหาอยู่เสมอเพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ทราบว่า นอกจากจะต้องจำว่าลูกๆมีขนาดเอวเท่าไหร่แล้ว ยังต้องมีขนาดความยาวด้วย โดยบางยี่ห้อจะมีป้ายบอกขนาดคือ ยxอ หมายความว่า ยาวxเอว ตัวเลขหน้าคือความยาว ตัวเลขหลังคือขนาดเอว เช่น กระโปรง 24x30 หมายถึงยาว 24 นิ้วxเอว 30 นิ้ว หรือ กางเกง 19x31 หมายถึงยาว 19 นิ้วxเอว 31 นิ้ว

คราวนี้หากจะต้องเลือกซื้อกางเกง / กระโปรงให้ลูก ต้องวัดความยาวมาด้วยเสมอ ซึ่งทางเรามีเคล็ดลับมาให้

- กระโปรง
 มักจะมีความยาวห่างกัน 2 นิ้ว บางยี่ห้อนับเลขคู่(20, 22, 24,...) บางยี่ห้อนับเลขคี่(23, 25, 27,...) ให้ดูความสูงของเด็กเป็นหลัก เช่น

  • ถ้าเด็กสูงประมาณ 150 ซม. ความยาวกระโปรงที่พอดีจะอยู่ที่ 23-24 
  • ถ้าเด็กสูงประมาณ 160 ซม. ความยาวกระโปรงที่พอดีจะอยู่ที่ 25-26
  • ถ้าเด็กสูงประมาณ 170 ซม. ความยาวกระโปรงที่พอดีจะอยู่ที่ 27-28
ความยาวที่บอกนี้เป็นความยาวที่ชายกระโปรงจะมาคลุมหัวเข่าพอดี

- กางเกง
มักจะนับความยาวเรียงไป ตั้งแต่ 14, 15, 16, ...22 ยาวที่สุดสั้นที่สุดอาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับยี่ห้อ เมื่อดูความสูงเด็กเป็นหลัก

  • ถ้าเด็กสูงประมาณ 150 ซม. ความยาวกางเกงที่พอดีจะอยู่ที่ 15-17
  • ถ้าเด็กสูงประมาณ 160 ซม. ความยาวกางเกงที่พอดีจะอยู่ที่ 17-19
  • ถ้าเด็กสูงประมาณ 170 ซม. ความยาวกางเกงที่พอดีจะอยู่ที่ 19-21

ความยาวที่บอกเป็นความยาวที่กางเกงจะลงมาปิดหัวเข่าพอดี

ข้อมูลสำคัญอีกอย่างคือ ความยาวและเอวจะตามกันไปเสมอ ยิ่งเด็กมีรอบเอวใหญ่ ความยาวกระโปรง / กางเกง ก็จะยาวตามไปด้วย และอาจจะมีราคาที่สูงขึ้น

- เนื้อผ้า
เนื้อผ้าในแต่ละยี่ห้อ แต่ละรูปแบบก็ต่างกันรวมไปถึงราคาก็ต่างกันด้วย

  • กระโปรงมักเป็นผ้าโทเร เพราะมีความบางมากกว่า ระบายอากาศดีกว่า และสามารถรีดจับจีบได้ดี
  • กางเกงมักมี 2 เนื้อผ้า คือ โทเร และ เสิร์ท ผ้าโทเรมีคุณลักษณะตามที่บอกด้านบน ส่วนผ้าเสิร์ทจะหนากว่า และรีดไม่ขึ้นเงา เนื้อผ้าจะทนกว่า แต่มักมีราคาแพง


3. ปักเสื้อ
นอกจากซื้อเสื้อแล้วการปักชื่อก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ราคาของการปักขึ้นอยู่กับจำนวนตัวอักษรและโลโก้ หากรายละเอียดเยอะราคาก็จะสูงตาม โดยราคาอาจจะเริ่มที่ 40 - 120 บาท/ตัว

-รูปแบบการปักมีสองแบบคือ ปักด้วยจักร และ ปักด้วยคอมพิวเตอร์ ข้อแตกต่างคือ

  • ปักคอมพิวเตอร์   ใช้เวลารวดเร็ว, ความผิดพลาดน้อย, ปักโลโก้ได้ละเอียด มีราคาแพงกว่า(บางร้านนับราคาตามจำนวนตัวอักษร)
  • ปักจักร   ใช้เวลานาน, ตัวอักษรตัวใหญ่กว่า, ราคาถูกกว่า(บางร้านเหมาเป็นตัว), ปักโลโก้ไม่ละเอียดนัก(ขึ้นอยู่กับฝีมือช่างปัก) 

ในการปักนั้นช่างจะใช้ตราปั้มตัวอักษรพิมพ์ลงไปเป็นแบบก่อน ซึ่งทำให้ขนาดตัวอักษรเท่ากัน ผู้ปกครองบางคนอาจจะไม่สบายใจที่เห็นรอยหมึกปั้ม แต่หมึกนี้สามารถซักออกได้

-รายละเอียดที่ต้องเตรียมไปคือ

  • ชื่อนักเรียนที่สะกดถูกต้อง เพราะหากปักไปแล้วการแก้ไขจะลำบากกว่า หากเลาะด้ายออกไม่ดีเสื้ออาจขาดเป็นรูได้
  • ชื่อย่อโรงเรียน มีจุดไหม เช่น บ.ด. หรือ ก.ท 
  • สีอะไร ส่วนใหญ่มักใช้สีน้ำเงินสำหรับโรงเรียนรัฐบาลและเด็กมัธยม ,สีแดงสำหรับโรงเรียนเอกชนและเด็กประถม, อนุบาล เรื่องสีสำคัญมาก ผู้ปกครองต้องจำรายละเอียดให้ได้
  • บริเวณที่ปัก นี่คือข้อที่คุณพ่อคุณแม่มักจะสับสนเสมอ ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้จดใส่กระดาษว่า อักษรย่อโรงเรียนอยู่ด้านซ้ายหรือขวา, ชื่อนักเรียนอยู่ซ้ายหรือขวา หรืออยู่ด้านเดียวกับอักษรย่อหรือโลโก้ (โดยส่วนใหญ่แล้วชื่อย่อโรงเรียนจะอยู่ด้านขวามือของนักเรียน)
  • สัญลักษณ์พิเศษ บางโรงเรียนจะให้ปักเลขรหัสนักเรียนลงไปด้วย หรือ จุด, ดาว, ขีด เพื่อแสดงระดับชั้น สัญลักษณ์เหล่านี้มักจะมีสีที่แตกต่างกัน ผู้ปกครองต้องดูด้วยว่าปักตรงไหน, สีอะไร, กี่จุดกี่ขีด, ซึ่งส่วนใหญ่มักจะปักบริเวณปกเสื้อ หรือบนชื่อนักเรียน


4.เข็มขัด
เข็มขัดเป็นอีกชิ้นส่วนที่ขาดไม่ได้ ระดับชั้นที่ต้องใช้เข็มขัดคือ เด็กผู้ชายประถม-มัธยม และเด็กผู้หญิงระดับมัธยม.ปลาย

-ลักษณะของเข็มขัดมีหลายแบบสิ่งที่ผู้ปกครองควรรู้คือ

  • สีของเข็มขัด ส่วนมากมักใช้สีดำและสีน้ำตาล
  • วัตถุที่ใช้ทำสายเข็มขัดส่วนใหญ่มี 2 แบบ คือ หนังและพลาสติกPU หนัง - มีความทนทานสูง, ขาดยาก, แต่แข็ง และไม่สวยเท่าPU PU - มีผิวสวยงาม, นิ่มใส่ง่าย, แต่ขาดและหักง่าย อายุการใช้งานสั้นกว่าหนัง
  • เด็กผู้ชายแบ่งเป็นประถมและมัธยม สายสีดำมีหัวเข็มขัดสีเงิน/สายสีน้ำตาลมีหัวเข็มขัดสีทอง ความกว้างของสายเข็มขัดชั้นประถมชาย 1 - 6 คือ 3 ซม. ส่วนความกว้างของสายเข็มขัดชั้นมัธยมชาย1 - 6 คือ 5 ซม.
  • เด็กผู้หญิงใส่เฉพาะชั้นม.ปลาย เป็นสายสีดำหัวเข็มขัดพลาสติกสีดำ ความกว้างของสายเข็มขัดชั้นมัธยมปลายหญิง คือ 5 ซม.
  • บางโรงเรียนต้องใช้หัวเข็มขัดเฉพาะของโรงเรียน ควรนำหัวเข็มขัดมาลองกับสายที่ทางร้านค้ามีทุกครั้ง เพราะขนาดของหัวต้องเข้ากับสายเข็มขัด 
  • ความยาวของสายเข็มขัดมักจะนับเป็นเลขคู่เช่น 34, 36, 38, 40,...,นิ้ว วิธีเลือกความยาวที่เหมาะสมคือ ให้สายเข็มขัดยาวกว่ารอบเอวประมาณ 6 - 7 นิ้ว


5.ถุงเท้า/รองเท้า

- ถุงเท้า
มักจะนับตามอายุของเด็ก คือ 4-6 , 5-7 , 7-9 , 9-11 , free size(ฟรีไซส์) บางร้านค้าอาจมีถึงขนาด free size XL แต่การวัดขนาดตามอายุเด็กมักใช้ไม่ได้ผล เพราะเด็กแต่ละคนมีขนาดตัวและลักษณะเท้าไม่เท่ากัน อันที่จริงแล้วถุงเท้าถ้าต่างไซส์กันนิดหน่อยมักไม่มีปัญหา หากทางร้านค้าไม่มีตัวอย่างให้ดู ก็มีวิธีกะขนาดถุงเท้าง่ายๆคือการเทียบการขนาดของรองเท้า

  • เด็กเล็กใส่รองเท้าไม่เกินเบอร์ 28 ควรใส่ถุงเท้าขนาดประมาณ 4-6
  • เด็กใส่รองเท้าประมาณ 28-33 ควรใส่ถุงเท้าขนาดประมาณ 5-7
  • เด็กใส่รองเท้าประมาณ 34-37 ควรใส่ถุงเท้าขนาดประมาณ 7-9
  • เด็กใส่รองเท้าประมาณ 38-40 ควรใส่ถุงเท้าขนาดประมาณ 9-11
  • เด็กใส่รองเท้าประมาณ 40 ขึ้นไป ควรใส่ถุงเท้าขนาดประมาณฟรีไซส์

- รองเท้า
ตามร้านค้าทั่วไปมักนับเบอร์รองเท้าเป็นเลขสองหลัก เช่น 28, 29, 30, ...,47

  • รองเท้าในแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะมีขนาดและรูปทรงต่างกัน ดังนั้นจึงควรพาเด็กมาลองทุกครั้ง และหากไม่มั่นใจควรใส่ถุงเท้ามาเพื่อลองรองเท้าด้วย
  • รองเท้ามี 2 แบบ คือแบบหนังสีดำสำหรับเด็กผู้หญิงและเด็กเล็กผู้ชาย แบบผ้าใบสำหรับเด็กผู้ชายทุกชั้นปีและเด็กผู้หญิงในวิชาพละ รองเท้าผ้าใบส่วนใหญ่มีทั้งหมด 3 สีคือ ดำ,ขาว,น้ำตาล
  • วิธีลองใส่ที่ถูกคือ ใส่รองเท้าแล้วดันเท้าไปด้านหน้าให้สุด หากด้านหลังตรงส้นเท้าสามารถสอดนิ้วมือเข้าไปได้ประมาณ 1 นิ้ว นั่นคือขนาดที่พอดี 



นี่คือข้อมูลคร่าวๆของ 5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไปเลือกซื้อเครื่องแบบนักเรียนให้ลูก จริงๆแล้วรายละเอียดของการเลือกซื้อเครื่องแบบนักเรียนนั้นยังมีอีกเยอะ ขอให้จำไว้ว่าควรพาเด็กไปลองด้วยทุกครั้ง เพราะหากต่างยี่ห้อ ต่างร้านค้า ขนาดและรูปทรงของเครื่องแบบนักเรียนก็จะต่างกัน ยิ่งถ้าเป็นเด็กวัยกำลังโต เสื้อผ้ารองเท้าที่ลูกๆใส่อาจจะเล็กไปแล้วก็ได้ ถ้าหากนำขนาดเสื้อผ้าเก่าของเทอมที่แล้วไปวัด อาจจะต้องเสียทั้งเวลาและเงินโดยใช่เหตุ เพราะเด็กๆโตขึ้นทุกวัน หากสะดวกการพาไปลองด้วยตัวเองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น