เคยคิดไหมว่าอะไรคือกำแพงที่คอยขวางอยู่ เรามองข้ามอะไรไปหรือเปล่า
วันนี้นึกขึ้นได้เลยลองวิเคราะห์คร่าวๆดูว่ามีสาเหตุอะไรบ้าง พบว่ามี 3 สาเหตุหลักๆที่พอจะคิดได้คือ
1. ตั้งเป้าหมายไม่ถูก
จะทำอะไรก็ตามควรตั้งเป้าหมาย บางคนเรียนภาษาอังกฤษอย่างเลื่อนลอย อยากเก่งแต่ไม่รู้จะเก่งไปทำไม? จะเอาความรู้นี้ไปทำอะไร? แล้วแบบนี้จะวางแผนการเรียนได้ยังไง
ลองตั้งสติใหม่แล้วตอบคำถามเหล่านี้
- คำว่า "เก่ง" ภาษาอังกฤษของคุณ คือแบบไหน?
- ถ้าหากคุณ "เก่ง" ได้อย่างที่ต้องการแล้ว จะเอาทักษะนี้ไปใช้งานอย่างไร?
- เก่งภาษาอังกฤษแล้วเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง(ตัวเราได้อะไร, คนอื่นได้อะไร)
- ถ้า "เก่ง" ภาษาอังกฤษแล้วจะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
ลองตอบแบบไม่ต้องคิดมากดู หรือไม่ก็ลองตั้งคำถามกับตัวเองแบบนี้ว่าเราทำไปทำไม? ได้ประโยชน์อะไร? คำตอบของคำถามเหล่านี้จะทำให้เรามองภาพรวมของเป้าหมายได้มากขึ้น สามารถเอาไปวางแผนการเรียนได้ดีขึ้น แล้วนอกจากเรียนภาษาอังกฤษแล้ว วิธีตั้งคำถาม-ตอบแบบนี้ยังไปประยุกต์ใช้กับการใช้ชีวิตอย่างอื่นได้อีกด้วย
2. ฝึกตามคนอื่นแบบผิดๆ
หลายคนอยากเก่งภาษาอังกฤษให้เร็วที่สุด ง่ายที่สุด พยายามหาข้อมูลว่าวิธีไหนสบายที่สุด โดยส่วนตัวแล้วบอกเลยว่ามักไม่ได้ผล หรือได้น้อยเกินกว่าจะนำไปใช้งานจริงจัง
แล้วมีวิธีอะไรบ้างที่คนมักจะแนะนำกัน
- ดูหนังซาวด์แทร็ค+ซับภาษาอังกฤษ
- อ่านข่าวภาษาอังกฤษ
- ฟังเพลงภาษาอังกฤษ
- แชทกับเจ้าของภาษา
นี่เป็นตัวอย่างเบื้องต้นที่มักได้ยินได้ฟังกัน บอกก่อนว่าวิธีเหล่านี้ เป็นวิธีที่ใช้ฝึกได้จริงๆ แต่เมื่อมองดูดีๆมันคือวิธีของคนที่ มีพื้นฐานมาบ้างแล้ว
คนที่ใช้วิธีเหล่านี้ไม่ได้ผลก็เพราะไปฟังเค้ามา "ดูหนังซับอังกฤษวันละเรื่องก็พอ" "อ่านข่าวแล้วแปลวันละข่าวสองข่าวก็พอ" "อยากเก่งต้องหาเพื่อนฝรั่ง" มีคำแนะนำแนวนี้อีกมากมายที่คนทำตามเพราะคิดว่า สะดวก, ง่าย, ไม่ต้องพยายามมาก
แต่ส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าตัวเองมีพื้นฐานระดับไหน หรือ พยายามก้าวกระโดดเพราะอยากเดินทางลัด บอกเลยว่าถ้าอยากเก่งภาษา(แบบเอาไปใช้งานหรือต่อยอดในระดับสูง) มันไม่มีทางลัดหรอกนะ คนที่เก่งภาษาล้วนแต่ใช้เวลากับการฝึกฝนทั้งนั้น วิธีง่ายๆ, ใช้เวลาน้อยๆ ที่ได้ผลนั้นเป็นเพราะคนเหล่านั้นสะสมชั่วโมงการเรียนรู้มามากพอแล้วนั่นเอง
3.ไ่ม่อยากลงทุน, ลงแรง
ฟังดูคล้ายๆกับข้อ2 แต่ในที่นี้คือ คนที่คอยรอให้คนอื่นมาป้อนความรู้ให้อย่างเดียว เคยเจอกันไหม? มีหลายต่อหลายคนที่ฝึกภาษาอังกฤษจากบทเรียนที่สรุปแล้ว หรือบทเรียนที่แปลเป็นภาษาไทยโดยไม่ใส่ใจต้นฉบับภาษาอังกฤษ
สมัยที่เราเรียนมหาวิทยาลัยจะเห็นหลายคนที่คอยให้เพื่อนติวให้ หรือรอบทสรุปเพียงเพราะ "มันแปลไทยแล้ว" และคนเหล่านี้จะใช้วิธีจำคำศัพท์พร้อมคำแปลไทยเป็นคำๆไป ยิ่งถ้าในบทเรียนมีเนื้อหาให้อ่านยาวเป็นหน้าๆ คนเหล่านี้ก็มักจะอ่านเนื้อหานั้นเป็นภาษาไทยและละเลยต้นฉบับ ไม่พยายามแม้แต่จะเปิดพจนานุกรมด้วยตัวเอง
อย่างที่เคยบอกว่าคนเราพื้นฐานไม่เท่ากัน หรือเพราะไม่ชอบ หรือไม่เห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษ แต่การที่ไม่แม้แต่จะพยายามเลย ไม่มีทางจะได้ผลตอบแทนแน่นอน
ในปัจจุบันที่เกือบทุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้นั้นเป็นโอกาสดีในการเรียนรู้ แต่ยังมีคนที่หลงทางกับการเรียนภาษา คนที่ต้องการสิ่งที่ย่อยง่าย, ใช้เวลาน้อย, จำอย่างเดียวแล้วเอาไปใช้เลย คนที่มองหาแต่เคล็ดลับ มองหาแต่ทางลัดโดยไม่อยากลงทุน, ลงแรง คนที่คิดว่าแค่กดติดตาม facebook หรือ twitter แล้วจำแต่ข้อมูลที่เค้าย่อยแล้ว, สรุปแล้ว พลางคิดไปว่านี่คือการเรียนภาษาอังกฤษ โดยไม่เคยพยายามหาบทเรียน, หนังสือ, หรือสื่อการสอนอื่นๆมาเรียนรู้เพิ่มเลย จะเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
นี่คือ 3 สาเหตุที่พอจะนึกออกในตอนนี้ มาจากการสังเกตและประสบการณ์(ที่ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง)ของตัวเราเอง ซึ่งขอย้ำอีกครั้งว่า ทุกคนมีวิธีการเรียนรู้และพื้นฐานไม่เหมือนกัน ดังนั้นจงวิเคราะห์ตัวเองให้เป็น และหาหนทางที่เหมาะกับตัวเองให้เจอ ในครั้งหน้าหวังว่าจะมีโอกาสเขียนบทความเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษอีก และขออวยพรให้ทุกคน(ร่วมทั้งตัวเรา)บรรลุเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษด้วยนะ เรามาพยายามไปด้วยกัน !
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น